วิธีใช้ "เทรนด์" ให้เป็นประโยชน์ในตลาดฟอเร็กซ์

admin

The trend is your friend. แปลตรงๆ ว่าแนวโน้มคือเพื่อนของคุณ เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ต้องเคยได้ยินคำกล่าวนี้มาหลายต่อหลายครั้ง แต่เทรดเดอร์หลายๆ คนก็ลืมกฏง่ายๆ ข้อนี้ไป เพราะเหตุใด พูดให้ง่ายก็คือเทรดเดอร์คิดเอาว่า 'แนวโน้ม' จะเคลื่อนไหวเร็วและสังเกตเห็นได้ง่าย แต่ความเป็นจริงแล้วเราจะไม่ค่อยได้เห็นแนวโน้มนี้ปรากฏอยู่บนกราฟนัก

แนวโน้มเฉลี่ยนั้นอาจดูเหมือนกับช่วงการเทรดขาขึ้น แต่ถ้าหากคุณปรับการเทรดให้เป็นไปตามทิศทางของแนวโน้มดังกล่าว (เข้าซื้อเมื่อแนวโน้มขาขึ้นและขายเมื่อขาลง) นับว่าเป็นการลับฝีมือของคุณให้เฉียบคมยิ่งขึ้น

โดยทั่วไป ตามสัญชาตญาณเทรดเดอร์จะตามแนวโน้มไปเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะได้ ในช่วงขาลง แท่งเทียนย่อมแสดงสัญญาณ bearish มากกว่า และในช่วงขาขึ้น แท่งเทียนย่อมแสดงสัญญาณ bullish มากกว่า

แล้วจะระบุแนวโน้มได้อย่างไร

ก่อนอื่น ให้พิจารณาค่าเฉลี่ยการเคลื่อนไหวในช่วง 200 วัน หากราคาเคลื่อนไหวต่อเนื่องอยู่ที่ด้านใดด้านหนึ่งของ MA ก็น่าจะเป็นเพราะปัจจัยด้านแนวโน้ม ณ จุดนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติที่จะเทรดตามแนวโน้ม แต่ก็ต้องระวังไว้ด้วยว่าผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของสินทรัพย์ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดที่น่าเชื่อถือว่าอนาคตจะเป็นไปในทิศทางใด

เมื่อรู้ว่า ณ จุดหนึ่งแนวโน้มจะเปลี่ยนไปเป็นช่วงการเทรด (trading ranges) เทรดเดอร์ที่ฉลาดจะชิงจังหวะเทรดตามแนวโน้มก่อนที่มันจะเปลี่ยน เพราะไม่มีทางคาดการณ์ได้ว่าแนวโน้มจะอยู่นานแค่ไหน (ไม่เช่นนั้นคงร่ำรวยมหาศาลไปแล้วครับ) แต่เทรดเดอร์ก็ยังมีโอกาสจะทำกำไรได้จากการเทรดตามเทรนด์ มากกว่าที่จะไปคอยจับจุดสูงสุดหรือต่ำสุดเพื่อหาจุดกลับตัว

คำถามถัดไปก็คือ ถ้าเทรดเดอร์เกิดอคติกับการเทรดตามแนวโน้มแล้ว ควรหันไปเทรดแบบระยะยาวอย่างเดียวจะดีกว่าหรือไม่ ก็ไม่เชิงต้องเป็นเช่นนั้น เทรดเดอร์ยังทำการเทรดในวันได้ แต่ให้ระวังว่าการเคลื่อนไหวของราคาในวันนั้นน่าจะเป็นไปตามแนวโน้ม จึงควรเทรดตามนั้น

ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างว่าเทรดเดอร์ปรับการซื้อขายในวันตามแนวโน้มอย่างไร (GBPUSD):

ทีเด็ดเคล็ดลับ: ใช้แนวโน้มให้เป็น

ใช้แนวโน้มช่วยในขั้นตอนการตัดสินใจ นี่เป็นวิธีที่ดีในการคาดการณ์ฟอเร็กซ์ที่แม่นยำให้ได้ผลลัพธ์การซื้อขายที่ดี หาเครื่องมือที่มาพร้อมกราฟที่อยู่ด้านหนึ่งของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้นานกว่า 3 เดือน  แล้วว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไรหากคุณเทรดตามแนวโน้มเท่านั้น และขอย้ำว่าผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของสินทรัพย์ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือสำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต